วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

 
ใบงานที่ 2
 
 
หน่วยที่ 1 การใช้อินเทอร์เน็ตในงานธุรกิจ
 
 
 
ความหมายเกี่ยวกับธุรกิจ
 
 
  
     ความหมายของธุรกิจ (Business) หมายถึง กิจกรรมทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งมีความเกี่ยวพันในวงการของสถาบัน เพื่อที่จะจำหน่ายและให้บริการภายใต้กฎเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ โดยมีความสัมพันธ์กับบริการอื่นและกลุ่มผู้ทำงานร่วมมือให้บรรลุถึงจุดหมายอันเดียวกัน คือ ความสำเร็จของหน่วยงาน
 
 
 
 
ความสำคัญของการใช้อินเทอร์เน็ตในงานธุรกิจด้านต่างๆ
 
    
     จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ จะพบว่าธุรกิจมีการแข่งขันการสงูมาก ต้องอาศัยวิธีการและกลยุทธ์ต่าง ๆ มากมายเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด ต้องมีการวางแผนการดำเนินงานอย่างดี รู้จักความต้องการของ ตลาดหรือกลุ่มลูกค้าของตนเอง มีเงินลงทุน มีความใจกล้า และมีความอดทนสูงจึงจะสามารถนําพาธุรกิจ ของตนให้อยู่รอดและเจริญก้าวหน้าได้ หากวางแผนการดําเนินการไม่ดี กลยุทธ์การดําเนินงานไม่ดี ธุรกิจ นั้นอาจจะประสบปัญหาการขาดทุนและไม่สามารถอยู่รอดได้ สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องคํานึงถึง คือ ความรวดเร็วในการให้บริการแก่ลูกค้าประจําของธุรกิจนั้นตลอดไป หากธุรกิจใดดําเนินงานแบบไม่มี ขั้นตอนหรือขั้นตอนมากจนลูกค้าสับสน ให้บริการล่าช้า       ไม่ประทับใจ ก็จะเป็นสาเหตุให้ลูกค้าที่เคยมีอยู่ ค่อยลดน้อยลง
 
 
 
 
ลักษณะธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
 
 
        การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อังกฤษ: Electronic commerce) หรือ อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce)  หรือ พาณิชยกรรมออนไลน์ หมายถึง การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถกระทำผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ การโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การโฆษณาในอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งซื้อขายออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพื่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทของความสำคัญขององค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นต้น ดังนั้นจึงลดข้อจำกัดของระยะทางและเวลา ในการทำ   ธุรกรรมลงได้
 
 
 
 
 
ประเภทของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
 
 
 
  1.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business หรือ B2B) คือ รูปแบบการซื้อขายสินค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ เป็นการซื้อขายทีละปริมาณมากๆ มีมูลค่าการซื้อขายแต่ละครั้งเป็นจำนวนมากเป็นการค้าส่ง
  2.พาณิชย์อิเล็กทรอนิสก์ประเภทธุรกิจกับรัฐบาล (Business to Government หรือ B2G) คือ รูปแบบการจำหน่ายสินค้าและบริการโดยตรงจากผู้ค้ากับรัฐบาล ตัวอย่างที่สำคัญของระบบนี้ได้แก่การชำระภาษีผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร การจดทะเบียนธุรกิจออนไลน์  การประมูลขายสินค้าให้กับภาครัฐ (e-Auction) เป็นต้น
  3.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับผู้บริโภค (Business to Consumer หรือ B2C) คือรูปแบบการจำหน่ายสินค้าหรือบริการโดยตรงจากผู้ค้าหรือผู้ผลิตให้กับผู้บริโภค ส่วนใหญ่จะเป็นการค้าปลีก ซึ่งผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ได้ แม้จะมีมูลค่าตลาดเล็กกว่าประเภทแรก แต่ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถฉกฉวยโอกาสในการต่อสู้กับบริษัทขนาดใหญ่ได้ 
   4.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทรัฐบาลกับรัฐบาล (Government to Government หรือ G2G) คือ รูปแบบการทำงานของหน่วยราชการรัฐบาลที่ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน โดยแต่ก่อนใช้กระดาษและลายเซ็นต์ในระบบเดิมในระบบราชการเดิม แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยการใช้ระบบเครือข่ายสารสนเทศ และ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นทางการเพื่อเพิ่มความเร็วในการดำเนินการ (Economy of Speed) ลดระยะเวลาในการส่งเอกสารและข้อมูลระหว่างกัน นอกจากนั้นยังเป็นการบูรณาการการให้บริการระหว่างหน่ววยงานภาครัฐโดยการใช้การเชื่อมต่อโครงข่ายสารสนเทศเพื่อเอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกัน (Collaboration) และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน (Government Data Exchange) ทั้งนี้รวมไปถึงการเชื่อมโยงกับรัฐบาลของต่างชาติ และองค์กรปกครองท้องถิ่นอีกด้วย ระบบงานต่าง ๆ ที่ใช้ในเรื่องนี้ ได้แก่ ระบบงาน Back Office ต่าง ๆ ได้แก่ ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ระบบบัญชีและการเงินระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี จะต้องมีกระบวนการในการลดแรงต่อต้านของบุคลากรที่คุ้นเคยกับการทำงานในระบบเดิม
   5.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทรัฐบาลกับประชาชน (Government to Consumer/Citizen หรือ G2C) คือ รูปแบบการทำธุรกรรมระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ในที่นี้คงไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะเป็นเรื่องการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยเองก็มีให้บริการแล้วหลายหน่วยงาน อาทิ การคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยที่ประชาชนสามารถค้นหาข้อมูลการติดต่อการทำทะเบียนต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทย ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างในการทำเรื่องนั้นๆ และสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มบางอย่างจากบนเว็บไซต์ได้ด้วย
   6.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer หรือ C2C) คือ รูปแบบการจำหน่ายสินค้าหรือบริการระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น การติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ในกลุ่มคนที่มีการบริโภคเหมือนกัน หรืออาจจะทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง ขายของมือสอง เป็นต้น
 
 
 
 
 
 
วัตถุประสงค์ของการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานธุรกิจ
 
 
 
  1.เพื่อให้ธุรกิจของตนเองพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทางอินเทอร์เน็ต
 
  2. เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเครือข่ายของธุรกิจ
  3. เพื่อให้ข้อมูลของบริษัทพร้อมให้ลูกค้าเข้ามาค้นหาได้
  4. เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า
 
  5. ขยายผลและขอบเขตการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น
 
  6. ขจัดปัญหาด้านเวลาดำเนินการของธุรกิจ
 
  7. การขายสินค้าหรือบริการ                                             
  

 
  8. การนำเสนอข้อมูลของธุรกิจแบบ Multi-media
 
  9. การเข้าสู่ตลาดที่ลูกค้ามีความต้องการบริโภคสินค้าสูง (Highly Desirable Demographic Market)
 
  10. การตอบคำถามของลูกค้าที่เกิดขึ้นบ่อยๆ (Frequently Asked Questions)
 
 
 
คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีในการใช้งานคอมพิวเตอร์ และรู้จัก
 
การทำงานเป็นทีม
 
 
 
 
  1.  ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่น
 
  2.  ไม่รบกวนจนงานคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
 
  3.  ไม่แอบดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
 
  4.  ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อลักขโมย
 
  5.  ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นพยานเท็จ
 
  6.  ไม่ใช้หรือทำสำเนาซอฟต์แวร์ที่ตนไม่ได้ซื้อสิทธิ์
 
  7.  ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจหน้าที่
 
  8.  ไม่ฉวยเอาทรัพย์ทางปัญญาของผู้อื่นมาเป็นของตน
 
  9.  คิดถึงผลต่อเนื่องทางสังคมของโปรแกรมที่เขียน
 
  10.  ใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่แสดงถึงความใคร่ครวญและเคารพ จรรยาวิชาชีพ ของ
 
สมาชิกสมาคมเครื่องจักรกลคอมพิวเตอร์
 
  11.ควรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางที่ถูกต้อง
 
  12.ควรมีมารยาทในการใช้ไม่แอบดูข้อมูลของผู้อื่นที่ไม่อนุญาต
 
  13.ไม่ใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด เช่น การขโมยข้อมูลของบุคคลอื่น หรือการทำให้
 
ผู้อื่นเสื่อมเสียไม่ว่าจะทางชื่อเสียง ทางสังคม และอื่นๆ ซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง
 
  14.ควรช่วยกันรักษาคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยีเอาไว้
 
  15.  หากว่าเราไม่ได้เป็นผู้ที่กระทำแต่หากพบเห็นบุคคลอื่นก็ควรที่จะว่ากล่าวตักเตือนให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง6.ใช้คอมพิวเตอร์ในเชิงสร้างสรรค์ไม่ก่อความเดือดร้อนให้แก่บุคคลอื่น
 
  16.ควรใช้คอมพิวเตอร์ในเชิงสร้างสรรค์
 
  17.ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน
 
  18.หากมีบุคคลใดส่งข้อมูลมาให้โดยเราไม่รู้จักก็ควรหลีกเลี่ยงโดยการไม่เปิดเพื่อ
 
ป้องกันไวรัส
 
  19.ในการทำงานต่างๆต้องตรวจเช็คข้อมูลให้
 
  20.ในการทำสิ่งใดแต่ละครั้งควรคิดถึงผลที่จะตามมาให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อป้องกันการผิดพลาดในภายหลัง13.ไม่เปิดเว็บภาพลามก
 
  21.ไม่ส่งจดหมายลูกโซ่ให้กับผู้อื่น
 
  22.ไม่ส่งจดหมายเท็จให้กับผู้อื่นเพราะอาจเกิดการสูญเสีย
 
  23.ไม่ส่งแฟ้มไวรัสให้คอมเครื่องอื่น
 
  24.ช่วยกันตรวจตราผู้ที่หน้าสงสัย
 
  25.ช่วยกันเป็นตาให้กับส่วนรวมหากมีสิ่งใดผิดปกติจะได้หาทางแก้ไข้ได้ทัน
 
  26.ช่วยกันรณรงค์การรักษาสิ่งของ
 
  27.ช่วยกันลบข้อมูลที่ไม่ดีออกไป
 
  28.ถ้ามีคนทำการแบบนี้ให้ทำโทษโดยการไม่ให้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
 
  29.ไม่ควรเล่นเกมการพนัน
 
  30.ไม่ควรเลียนแบบความรุนเเรงในสิ่งเร้า
 
  31.เล่นเกมที่มีทักษะหรือค้นหาความรู้แทน
 
  32.หลีกเลี่ยงเกมไร้สาระ
 
  33.เมื่อเข้าไปใช้บริการเว็บใดก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเว็บนั้น (ในทางที่ถูกต้อง)
 
  34.ในการใช้คอมพิวเตอร์ควรติดตั้งเครื่องแสกนไวรัส
 
  35.ไม่โหลดรูปภาพลามกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลที่ไม่จำเป็น
 
  36.เคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างที่จริง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
อ้างอิง
 
 
comsci.srru.ac.th/.../บทที่%202%20คอมพิวเตอร์กับงานธุรกิจ.pdf
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
จัดทำโดย
นางสาวจีรภา    คัชมาตย์ ปวช.บช.1/2  เลขที่ 07
นาวสงวยวิษฐา  อ่อนสุด   ปวช.บช.1/2  เลขที่ 22
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น